สวัสดีครับทุกท่านที่เคารพรักเป็นอย่างมาก ที่ติดตามผมมา ช่วงนี้ได้พอมีเวลาพักหายใจกันบ้างเล็กน้อย ผมเลยอยากจะมาเขียนแชร์ประสบการณ์การสอบ CCIE ของผมให้ได้อ่านกัน หลายๆท่านจะได้เก็บไปเป็นแนวทางได้ครับ
การเขียนของผมในครั้งนี้ ผมจะขอแบ่งออกเป็น 3 ตอน ละกันนะครับ (แหม่ ยังกับหนัง)
ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ผมจะกล่าวถึงประสบการณ์ในการสอบ CCIE
ตอนที่ 3 ผมจะกล่าวถึงการเตรียมตัวสำหรับการสอบ CCIE
ฉะนั้นวันนี้ ผมจะมากล่าวถึงตอนที่ 1 กันก่อนครับ
อย่างแรกเลยเรามารู้จักกันก่อนว่า CCIE มันคืออะไร ? สอบแล้วได้อะไร ? ยากจริงหรอ ? หลายๆคำถามที่เกิดขึ้นจะถูกตอบโดยผมเอง 5555+ ตามกันมาเลยครับ
CCIE คืออะไร >>>
CCIE = Cisco Certified Internetwork Expert เป็นประกาศณียบัตรทางวิชาชีพในสายงาน Network ของ Cisco ขั้นสูงสุดในด้าน Technical ซึ่ง CCIE ก็จะถูกแบ่งออกไปเป็นหลายๆ Track เช่น Routing and Switching , Service Provider , Voice , Security , Datacenter , Wireless เป็นต้น หรือจะเปรียบเทียบก็เหมือนเรียนมหาวิทยาลัย ที่มีหลายสาขานั่นแหละครับ วิศวะ , บริหาร , วิทยาศาสตร์ อะไรทำนองนั้น
การผ่าน CCIE ได้นั้นจะต้องสอบทั้ง 2 ส่วนครับ คือ สอบทฤษฎี (Written) และ สอบปฏิบัติ (LAB) โดยจะต้องสอบทฤษฎี (Written) ให้ผ่านก่อน จึงสามารถลงสอบปฏิบัติได้ (LAB)
สอบทฤษฎี (Written) สามารถลงสอบในประเทศไทยได้ ตามศูนย์สอบทั่วไป
สอบปฏิบัติ (LAB) ต้องลงสอบในต่างประเทศเท่านั้น เพราะประเทศไทยยังไม่ศูนย์สอบ LAB
สอบ CCIE แล้วได้อะไร >>>
อย่างที่กล่าวไปแล้วครับ ว่าการผ่าน CCIE ได้นั้น จะต้องผ่านทั้ง สอบทฤษฎี (Written) และ สอบปฏิบัติ (LAB) แล้วเราจะได้อะไรบ้างหลังจากผ่าน CCIE
พล่ามไปซะเยอะเลย ได้เวลาเข้าเรื่องกันซักทีนะครับ ตามมาต่อกันเลยครับ อย่าเพิ่งเหนื่อยกันซะก่อน แนะนำให้ซื้อ Popcorn กับ Pepsi มารอได้เลย แหม่ ชงซะขนาดนี้ถ้าไม่โดนใจสงสัยผมจะโดนดักตีหัวเป็นแน่ ฮ่าๆๆ
ประสบการณ์ในการสอบ CCIE ตอนที่ 1
เริ่มต้นด้วย ผมจบก็เริ่มทำงานในสายงาน Network จนสอบ CCNA ผ่าน ถึงตอนนั้นก็ไฟแรง ตั้งเป้าไว้ว่าผมจะต้องไปให้สุดทางให้ได้ นั่นก็คือ การสอบผ่าน CCIE ตอนนั้นผมรู้แค่ว่า CCIE นี่แหละสุดยอดละ มีน้อยคนที่จะผ่าน และน้อยคนไปอีกที่จะสอบผ่านในครั้งเดียว ส่วนใหญ่คนที่สอบ CCIE ตกกันเป็นว่าเล่น บางคน 2 รอบ บางคน 3 รอบ บางคน 4-5 รอบ ถึงจะผ่าน ผมก็เลยคิดว่า เอาวะ !!! ลองซักครั้งในชีวิต จะต้องลองสอบดูซักที จะผ่านหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที
ขยับหาเส้นทาง >>>
ผมก็เลยลองวางแผนดูก่อนว่า ถ้าผมออกเองจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ลองถามๆคนที่เคยสอบดู รวมทั้งหมด ประมาณ 100k บาท ถึง 150k บาท ขึ้นอยู่กับว่า เราไปสอบประเทศไหน ถ้าไปฮ่องกง ก็อาจจะถูกหน่อย ถ้าไปออสเตรเลีย หรือ USA ก็แพงหน่อย เป็นต้น ส่วนใหญ่เค้าก็จะไปสอบที่ ญี่ปุ่นกัน เพราะไม่แพงมาก อาหารการกินก็หาง่าย กินง่าย แถมเที่ยวต่อได้ด้วย หาหนังกลับมาซักแผ่น อิอิ คิดดูฮะ เกิดเราไปสอบที่อินเดีย โอโห ไม่อยากจะคิดเรื่องที่พัก กับ อาหารเลย (แต่ก็ต้องดูด้วยนะครับว่าจะสอบ Track ไหน เพราะบางที่ไม่ได้มีสอบทุก Track อย่างเช่น ญี่ปุ่น ไม่มี Track Service Provider และ Wireless เป็นต้น)
พอผมเห็นค่าใช้จ่ายผมก็ตาโต เยสสสเขร้ (อุ๊ป !! ไม่สุภาพ) ทำไมมันแพงจังวะ สอบทีเป็นแสน แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะผ่านไหม ถ้าผ่านก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ผ่านขึ้นมาเงินแสนหายวับไปเลย T-T ผมก็เลยคิดในใจว่า ถ้าแบบนั้นเราต้องหาคนสนับสนุน ก็คือ หาบริษัทที่เป็น Cisco Partner ระดับ Gold หรือ Silver เพื่อให้บริษัทส่งสอบนั่นเอง บริษัทที่เป็นระดับ Gold หรือ Silver ของ Cisco เค้าจะมีข้อกำหนดว่า ถ้าเป็นระดับ Gold จะต้องมี CCIE 4 คน หรือ ถ้าเป็นระดับ Gold จะต้องมี CCIE 2 คน นี่แหละครับ คือช่องทางของผม
ได้เข้าทำงานบริษัท Gold Partner ของ Cisco (2012) >>>
หลังจากพยายามอยู่เกือบปี ความพยายามของผมก็สำเร็จ ผมได้เข้าทำงานในบริษัทที่เป็น Gold Partner ของ Cisco จนได้ ฟินนนน ฮ่าๆๆ แต่ๆๆๆ สิ่งต่อไปที่จะต้องทำนั่นก็คือ ทำยังไงให้บริษัทยอมส่งเราไปสอบ CCIE นั่นคือปัญหาต่อมาครับ บริษัทระดับนี้ มี CCIE CCNP อยู่เยอะ มีแต่คนเก่งๆ เราจะต้องแทรกเข้าไปอยู่จุดนั้นให้ได้ ผมก็พยายามศึกษา อ่านหนังสือ ไปเรื่อยๆ จนบริษัทให้ผมสอบ CCNP ความหวังแรกมาแล้ววว หลังจากได้ CCNP ผมก็มีเป้าหมายจะก้าวต่อ CCIE ทันที แต่ยังไม่กล้าขอ กลัวเค้าไม่ให้ T-T ผมก็เลยยังไม่ขอครับ อ่านหนังสืออีกเช่นเคย อ่านไปเรื่อยๆ ไล่อ่าน ไล่ทำแลปเก่าๆ แล้วก็ขยับมาอ่านหนังสือ CCIE
การเตรียมตัวสำหรับ CCIE ขั้นเริ่มต้น จึงเกิดขึ้น (2013) >>>
(การเตรียมตัวแบบเต็มๆ ผมจะเขียนเป็นในตอนที่ 2 นะครับ)
ระหว่างที่ผมเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ มีพี่ Senior ที่ผมได้ทำงานร่วมกับเค้า กำลังเตรียมตัวไปสอบ CCIE ครับ แต่ผมยังไม่ได้สนใจอะไร ผมก็อ่านของผมไปเรื่อยๆ พี่ผมเค้าก็บินไปสอบรอบแรกที่ญี่ปุ่น ผลคือ ตก ครับ !!! ตอนนั้นผมคิดในใจเลย "พี่เค้าก็เก่งนะ ยังตกเลย แล้วกรูล่ะ T-T" ผมก็เลยถามพี่เค้าว่าทำไมถึงตก พี่เค้าก็เล่าให้ผมฟัง (แต่ตอนนั้น ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่อง อะไรก็ไม่รู้) ผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลละ จะได้คุยกับคนอื่นเค้ารู้เรื่องบ้าง ถัดมาอีกประมาณ 6 เดือน พี่ผมเค้าก็ไปสอบรอบที่ 2 ปรากฎว่า ตก อีก !!! ผมก็คิดมากกว่าเดิมอีก อะไรจะยากขนาดนั้นฟระ ไม่สอบแม่งละดีมั้ยเนี่ยยย >.< ผมก็เลยถามพี่ผมอีก คราวนี้พอคุยรู้เรื่องละ ก็เริ่มเก็บข้อมูลว่า พี่ผมเจออะไรมาบ้าง มีตรงไหนที่ทำไม่ได้บ้าง ก็เก็บๆๆ เป็นข้อมูลไว้
ได้กลุ่มทำ LAB (หลายหัวดีกว่าหัวเดียว) >>>
ถึงตรงนี้ผมก็อ่านทฤษฎีกับฝึกทำแลปมาได้ครึ่งทางละ ผมได้รู้จักกับทีมงานกลุ่มนึงจาก Social ก็คือ ทีมงานเว็บ SiamNetworker ครับ และเค้าก็จับกลุ่มสอบ CCIE ผมเลยขอไปแจมๆด้วยเลย ซึ่งพี่ๆกลุ่มนี้เค้าเคยผ่านประสบการณ์การสอบมาแล้ว ส่วนผมเพิ่งครั้งแรก ไม่เคยสอบเลย จะไหวมั้ยยเนี่ยยย เฮือกกก ก็คุยกันมาเรื่อยๆครับ จนมีพี่คนนึงในกลุ่มไปสอบครั้งแรก ตก !!! แล้วเค้าก็ไปสอบครั้งที่ 2 ปรากฎว่า ผ่านครับ +++ เค้าก็แนะนำคนติวมาให้ อาจารย์คนนี้ เก่งมาก ก็เลยคุยกันในกลุ่มว่า รวมตัวกันไปติวละกัน ด้วยความที่พี่เค้ารู้จักก็เลยได้ราคามาไม่แพง (แต่ไม่แพงก็หลักหมื่นเหมือนกันนะ) ผมก็เลยควักเงินตัวเองจ่ายออกไป เพื่อไปติว ทั้งๆที่ยังอ่านไม่จบเลย สบายละ 555+ ช่วงนี้ผมก็เลยดึงพี่ที่บริษัทผมที่ไปตกมาก่อนหน้านี้เข้ามาด้วย จะได้มาลุยด้วยกันไปเลย ผมไปนั่งติว คนอื่นเค้ารู้เรื่องหมดเลย ผมงงอยู่คนเดียว โห มันเยอะมาก สมองเบลอครับ มันกว้างและลึกจริงๆ MSTP , Private VLAN , VACL , QinQ , BGP , MPLS , QoS , Multicast , IPv6 บลาๆๆๆๆๆ เยอะโคตรๆๆ ที่สำคัญตอนติวอาจารย์บอกว่า ต้องพยายามจำ Command ให้ได้ทั้งหมด ถ้าจำไม่ได้ ตอนไปสอบแล้วไปกดเครื่องหมาย ? เพื่อดู Command ยังไงก็ทำไม่ทัน ชิบหายยละกรู T-T ช่วงนั้นผมหนักหัวมาก เก็บได้ไม่หมด มีหลุดๆไปด้วย เพราะมันเยอะจริงๆ แถมสอบครั้งแรกด้วย ตายๆๆ เริ่มเครียด แต่มาถึงขนาดนี้ละ ก็หยุดไม่ได้ละครับ
เมื่อโอกาสมาถึง (ปลายปี 2013) >>>
ตอนแรกผมก็จะไม่รีบสอบ กะว่าเก็บไปเรื่อยๆ จน Cisco ประกาศออกมาว่าจะเปลี่ยนข้อสอบ CCIE Routing and Switching จาก Version 4 เป็น Version 5 วันที่ 4 June 2014 ความหฤหรรษ์จึงเกิดขึ้น ผมเครียดเลย เตรียมตัวมาเยอะแล้วด้วย ตอนนั้นผมลังเลว่าจะเอายังไงดี จะขอบริษัทสอบก็ไม่กล้าขอ กลัวเค้าไม่ให้ จะออกเองก็หนักหน่วง พราะตอนนั้นผมกำลังมีแผนจะออกรถพอดี ผมมีเงินก้อนเดียว ถ้าออกรถก็ไม่ได้สอบ ถ้าสอบก็ไม่ได้ออกรถ เครียดเลย ค่าติว ค่าหนังสือ ก็ลงทุนไปเยอะละ หมดไปหลายหมื่น จนถึงช่วงประเมินพนักงานปลายปีของบริษัท โอกาสของผมมันก็เข้ามา ตอนเข้าไปประเมินกับหัวหน้า ก็คุยเรื่องงานปกติ พอคุยเรื่องงานจบ หัวหน้าก็ถามขึ้นมาว่า "จะสอบ CCIE เมื่อไหร่" ว๊ากกกกกกกกกกก คำนี้ ทำไมผมดีใจ น้ำตาจะไหล แต่เก็บอาการ 555+ ผมก็บอกไปว่า "ผมว่าจะมาขอโอกาสจากพี่อยู่พอดีครับ" หัวหน้าผมตอบว่า "พี่ให้โอกาสทุกคนแหละ ถ้าเรามีความสามารถและเราพร้อมจริง ลองดูมั้ย" ผมตอบตกลงอย่างไม่คิดเลยครับ โอกาสมาละ ทำให้ดีที่สุด ผ่านหรือไม่ผ่านค่อยว่ากันอีกที +++ ผมบอกหัวหน้าว่า "แต่จะต้องรีบหน่อยครับ ไม่เกินเดือนพฤษภา 2014 เพราะว่าข้อสอบจะเปลี่ยน ตอน 4 มิถุนา 2014" หัวหน้าผมก็ตอบกลับว่า "โหว ตอนนี้ธันวาละ แค่ 5 เดือน เองนะ ทันหรอ" ผมตอบกลับทันทีว่า "ทันครับ เพราะผมเตรียมตัวมาก่อนแล้วครับพี่ ที่เหลือ 5 เดือน แค่ ลุยแลปอย่างเดียวครับ" หัวหน้าผมโอเค ก็ลองดู ต้องรีบไปสอบ ทฤษฎี (Written) ให้ผ่านก่อน ถึงจะจองสอบปฏิบัติ (LAB) ได้ ผมจึงรีบไปสอบทฤษฎี (Written) ตอน มกรา 2014
เมื่อผมผ่าน Written ผมก็กลับมาจองวันสอบ LAB แต่ๆๆๆ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ ผมจะลงสอบ LAB ช่วงพฤษภา เพราะว่าจะได้มีเวลาเตรียมตัวเยอะหน่อย ถ้าผมตก ก็หมายความว่า ผมจะต้องสอบ CCIE Version ใหม่เลย (กฎก็คือ ถ้าตก LAB จะสามารถลงสอบได้อีกครั้งต้องรอ 30 วัน) ก็คือถ้าตกรอบนี้จริงๆ ผมก็ต้องรออีกยาว กว่าจะใช้เวลาศึกษา Version ใหม่ คงประมาณ 1 ปีได้ พูดง่ายๆก็คือถ้าตกรอบนี้ก็รอยาววว ครับ ผมก็เลยยิ่งกังวล แล้วพอข้อสอบมันจะเปลี่ยน Version วันสอบ LAB ในช่วงพฤษภา มันก็เลยเต็มทุกที่นั่งครับ เพราะมีแต่คนจะลงสอบ Version เก่า ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ปักกิ่ง ฮ่องกง อินเดีย เต็มทุกที่ ผมต้องมานั่ง Monitor ทุกวัน ว่าจะมีใคร Cancel หรือเปล่า จนสุดท้ายที่ออสเตรเลียเพิ่มที่นั่งสอบ ผมเลยรีบจองพร้อมกับพี่ที่บริษัทผมทันที ก้ได้วันเรียบร้อยกับพี่ผม ไปพร้อมกันเลย แต่สอบคนละวันครับ พอได้วันสอบเรียบร้อยก็โล่งใจละครับ ที่เหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าสอบ ที่พักและเครื่องบิน บริษัทผมจัดการให้ทั้งหมด
ช่วงเวลา 3 เดือนก่อนสอบ >>>
ผมเริ่มหาข้อมูลครับ โดยข้อสอบ CCIE R&S LAB จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ก็คือ ส่วนที่เป็น Configuration กับ ส่วนที่เป็น Troubleshooting ซึ่งโจทย์ของข้อสอบในส่วน Configuration ก็จะมีโจทย์มาให้แล้วก็ Config ตามที่โจทย์ต้องการ ผมหาข้อมูลจากคนที่เค้าเคยไปสอบแล้วมาแชร์ให้ฟังเว็บบอร์ด และในส่วนของ Troubleshooting ก็จะมีโจทย์มาให้เหมือนกัน แต่เป็นโจทย์ให้แก้ปัญหาครับ เช่น Ping ไม่่เจอ , Routing ไม่มา , Multicast ใช้ไม่ได้ เป็นต้น ก็ให้เราแก้ปัญหาให้ใช้งานได้ตามโจทย์ ซึ่งโจทย์เยอะมากครับ ต้องบอกว่าแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว มีเวลาทำ LAB แค่ช่วงหลังเลิกงานกับวันหยุด จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ มานั่งดู Diagram ตอนเริ่มอ่าน บอกเลยครับว่า งง โอยยย ตายๆๆๆ กว่าจะทำความเข้าใจกับ Physical ได้ ใช้เวลาอยู่เกือบ 7 วัน จากนั้นเริ่มหา LAB ละ ว่าจะทำ LAB ยังไงดี จริงๆในช่วงแรกผมสร้าง LAB ผ่าน Simulator เอาครับ แล้วช่วงหลังผมก็ใช้ของจริงเล่น
ความยากของ CCIE ก็คือ ตัวโจทย์ครับ คือโจทย์มันจะบอกว่าอยากได้แบบนี้ แต่ !! ห้ามทำท่านี้นะ อะไรประมาณนั้นครับ เช่น
ผมไม่รอช้า ก็เริ่มทำ Troubleshooting ต่อ ไอ Troubleshooting มันยากตรงที่ มันหาไม่เจอว่าไปวางบั๊กไว้ตรงไหน แถมแก้มั่วก็ไม่ได้ครับ บางทีหาเจอละ แต่มันห้ามเอา Command นี้ออก หรือ ห้ามแก้ด้วยวิธีนี้ เป็นต้น โห ยากกว่า Config อีกครับ ผมใช้เวลาทำ LAB Troubleshooting ประมาณ 3-5 วัน ในครั้งแรก รวมๆแล้วผมทำครบทั้งหมดใช้เวลาไปประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก้อดีใจละเหลือเวลาทบทวนอีก แต่ !!! มันไม่ง่ายเช่นนัน เพราะ ผมตามข่าวในเว็บบอร์ด อยู่ๆ Cisco ก็ดันเปลี่ยนข้อสอบใหม่ทั้ง Config และ Troubleshooting เลยครับ สบายยยยแล้วกรู !!! ผมก็ต้องใช้เวลาเพื่อเรียนรู้มันอีก ใช้เวลาไปอีกราวๆ ครึ่งเดือน จนเหลือเดือนสุดท้าย ไว้ทบทวน และก็ภาวนาไม่ให้ Cisco เปลี่ยนข้อสอบอีก สมองผมจำไม่หมดแล้วคร้าบบบ T-T
เดือนสุดท้ายก่อนสอบ >>>
ผมขอไว้ต่อในตอนที่ 2 นะครับ......
การเขียนของผมในครั้งนี้ ผมจะขอแบ่งออกเป็น 3 ตอน ละกันนะครับ (แหม่ ยังกับหนัง)
ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ผมจะกล่าวถึงประสบการณ์ในการสอบ CCIE
ตอนที่ 3 ผมจะกล่าวถึงการเตรียมตัวสำหรับการสอบ CCIE
ฉะนั้นวันนี้ ผมจะมากล่าวถึงตอนที่ 1 กันก่อนครับ
อย่างแรกเลยเรามารู้จักกันก่อนว่า CCIE มันคืออะไร ? สอบแล้วได้อะไร ? ยากจริงหรอ ? หลายๆคำถามที่เกิดขึ้นจะถูกตอบโดยผมเอง 5555+ ตามกันมาเลยครับ
CCIE คืออะไร >>>
CCIE = Cisco Certified Internetwork Expert เป็นประกาศณียบัตรทางวิชาชีพในสายงาน Network ของ Cisco ขั้นสูงสุดในด้าน Technical ซึ่ง CCIE ก็จะถูกแบ่งออกไปเป็นหลายๆ Track เช่น Routing and Switching , Service Provider , Voice , Security , Datacenter , Wireless เป็นต้น หรือจะเปรียบเทียบก็เหมือนเรียนมหาวิทยาลัย ที่มีหลายสาขานั่นแหละครับ วิศวะ , บริหาร , วิทยาศาสตร์ อะไรทำนองนั้น
การผ่าน CCIE ได้นั้นจะต้องสอบทั้ง 2 ส่วนครับ คือ สอบทฤษฎี (Written) และ สอบปฏิบัติ (LAB) โดยจะต้องสอบทฤษฎี (Written) ให้ผ่านก่อน จึงสามารถลงสอบปฏิบัติได้ (LAB)
สอบทฤษฎี (Written) สามารถลงสอบในประเทศไทยได้ ตามศูนย์สอบทั่วไป
สอบปฏิบัติ (LAB) ต้องลงสอบในต่างประเทศเท่านั้น เพราะประเทศไทยยังไม่ศูนย์สอบ LAB
สอบ CCIE แล้วได้อะไร >>>
อย่างที่กล่าวไปแล้วครับ ว่าการผ่าน CCIE ได้นั้น จะต้องผ่านทั้ง สอบทฤษฎี (Written) และ สอบปฏิบัติ (LAB) แล้วเราจะได้อะไรบ้างหลังจากผ่าน CCIE
- ได้เลขประจำตัว CCIE ฮ่าๆๆ ลองสังเกตุดูครับว่าใครที่มี CCIE จะมีเลขกำกับไว้เสมอ เป็นเลขประจำตัวของ CCIE คนนั้น เหมือนเลขบัตรประชาชน เพราะฉะนั้นเลขนี้จะไม่มีทางซ้ำกันครับ
- ได้โล่ครับ เมื่อสอบ CCIE ผ่านแล้วทาง Cisco ก็จะให้โล่ (Plaque) มาให้เป็นที่ระทึก เอ้ย !! ระลึก ครับ เลยเป็นที่มาของคำว่า "ทำงานเอาโล่" 555+
- ได้ความท้าทาย จะได้อะไรใหม่ๆ ได้เทคนิค และหลายๆอย่างจากการสอบ CCIE ครับ
- ได้ความรู้ใหม่ๆอีกเพียบ แน่นอนครับ CCIE ไม่ใช่ของง่าย ความรู้ที่จะใช้สอบ CCIE ค่อนข้างจะกว้างเลยทีเดียว
- ได้เงินเพิ่ม แน่นอนครับ CCIE เป็น Cert. ขั้นสูง มันจึงมีมูลค่าครับ เพราะฉะนั้นคนที่ถือครองมันไว้ก็ย่อมได้ผลประโยชน์จาก Cert. ตัวนี้แน่นอนครับ ส่วนมากแล้ว Cert. ของ Cisco ทุกตัวก็มีมูลค่าสำหรับคนที่ทำงานในบรษัทที่เป็น Cisco Partner ครับ แต่ CCIE ให้มูลค่าสูงกว่า CCNA หรือ CCNP หลายเท่า นั่นก็เพราะความยากกว่าที่จะได้มันมานั่นเองครับ
พล่ามไปซะเยอะเลย ได้เวลาเข้าเรื่องกันซักทีนะครับ ตามมาต่อกันเลยครับ อย่าเพิ่งเหนื่อยกันซะก่อน แนะนำให้ซื้อ Popcorn กับ Pepsi มารอได้เลย แหม่ ชงซะขนาดนี้ถ้าไม่โดนใจสงสัยผมจะโดนดักตีหัวเป็นแน่ ฮ่าๆๆ
ประสบการณ์ในการสอบ CCIE ตอนที่ 1
เริ่มต้นด้วย ผมจบก็เริ่มทำงานในสายงาน Network จนสอบ CCNA ผ่าน ถึงตอนนั้นก็ไฟแรง ตั้งเป้าไว้ว่าผมจะต้องไปให้สุดทางให้ได้ นั่นก็คือ การสอบผ่าน CCIE ตอนนั้นผมรู้แค่ว่า CCIE นี่แหละสุดยอดละ มีน้อยคนที่จะผ่าน และน้อยคนไปอีกที่จะสอบผ่านในครั้งเดียว ส่วนใหญ่คนที่สอบ CCIE ตกกันเป็นว่าเล่น บางคน 2 รอบ บางคน 3 รอบ บางคน 4-5 รอบ ถึงจะผ่าน ผมก็เลยคิดว่า เอาวะ !!! ลองซักครั้งในชีวิต จะต้องลองสอบดูซักที จะผ่านหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที
ขยับหาเส้นทาง >>>
ผมก็เลยลองวางแผนดูก่อนว่า ถ้าผมออกเองจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ลองถามๆคนที่เคยสอบดู รวมทั้งหมด ประมาณ 100k บาท ถึง 150k บาท ขึ้นอยู่กับว่า เราไปสอบประเทศไหน ถ้าไปฮ่องกง ก็อาจจะถูกหน่อย ถ้าไปออสเตรเลีย หรือ USA ก็แพงหน่อย เป็นต้น ส่วนใหญ่เค้าก็จะไปสอบที่ ญี่ปุ่นกัน เพราะไม่แพงมาก อาหารการกินก็หาง่าย กินง่าย แถมเที่ยวต่อได้ด้วย หาหนังกลับมาซักแผ่น อิอิ คิดดูฮะ เกิดเราไปสอบที่อินเดีย โอโห ไม่อยากจะคิดเรื่องที่พัก กับ อาหารเลย (แต่ก็ต้องดูด้วยนะครับว่าจะสอบ Track ไหน เพราะบางที่ไม่ได้มีสอบทุก Track อย่างเช่น ญี่ปุ่น ไม่มี Track Service Provider และ Wireless เป็นต้น)
พอผมเห็นค่าใช้จ่ายผมก็ตาโต เยสสสเขร้ (อุ๊ป !! ไม่สุภาพ) ทำไมมันแพงจังวะ สอบทีเป็นแสน แถมยังไม่รู้ด้วยว่าจะผ่านไหม ถ้าผ่านก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ผ่านขึ้นมาเงินแสนหายวับไปเลย T-T ผมก็เลยคิดในใจว่า ถ้าแบบนั้นเราต้องหาคนสนับสนุน ก็คือ หาบริษัทที่เป็น Cisco Partner ระดับ Gold หรือ Silver เพื่อให้บริษัทส่งสอบนั่นเอง บริษัทที่เป็นระดับ Gold หรือ Silver ของ Cisco เค้าจะมีข้อกำหนดว่า ถ้าเป็นระดับ Gold จะต้องมี CCIE 4 คน หรือ ถ้าเป็นระดับ Gold จะต้องมี CCIE 2 คน นี่แหละครับ คือช่องทางของผม
ได้เข้าทำงานบริษัท Gold Partner ของ Cisco (2012) >>>
หลังจากพยายามอยู่เกือบปี ความพยายามของผมก็สำเร็จ ผมได้เข้าทำงานในบริษัทที่เป็น Gold Partner ของ Cisco จนได้ ฟินนนน ฮ่าๆๆ แต่ๆๆๆ สิ่งต่อไปที่จะต้องทำนั่นก็คือ ทำยังไงให้บริษัทยอมส่งเราไปสอบ CCIE นั่นคือปัญหาต่อมาครับ บริษัทระดับนี้ มี CCIE CCNP อยู่เยอะ มีแต่คนเก่งๆ เราจะต้องแทรกเข้าไปอยู่จุดนั้นให้ได้ ผมก็พยายามศึกษา อ่านหนังสือ ไปเรื่อยๆ จนบริษัทให้ผมสอบ CCNP ความหวังแรกมาแล้ววว หลังจากได้ CCNP ผมก็มีเป้าหมายจะก้าวต่อ CCIE ทันที แต่ยังไม่กล้าขอ กลัวเค้าไม่ให้ T-T ผมก็เลยยังไม่ขอครับ อ่านหนังสืออีกเช่นเคย อ่านไปเรื่อยๆ ไล่อ่าน ไล่ทำแลปเก่าๆ แล้วก็ขยับมาอ่านหนังสือ CCIE
การเตรียมตัวสำหรับ CCIE ขั้นเริ่มต้น จึงเกิดขึ้น (2013) >>>
(การเตรียมตัวแบบเต็มๆ ผมจะเขียนเป็นในตอนที่ 2 นะครับ)
ระหว่างที่ผมเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ มีพี่ Senior ที่ผมได้ทำงานร่วมกับเค้า กำลังเตรียมตัวไปสอบ CCIE ครับ แต่ผมยังไม่ได้สนใจอะไร ผมก็อ่านของผมไปเรื่อยๆ พี่ผมเค้าก็บินไปสอบรอบแรกที่ญี่ปุ่น ผลคือ ตก ครับ !!! ตอนนั้นผมคิดในใจเลย "พี่เค้าก็เก่งนะ ยังตกเลย แล้วกรูล่ะ T-T" ผมก็เลยถามพี่เค้าว่าทำไมถึงตก พี่เค้าก็เล่าให้ผมฟัง (แต่ตอนนั้น ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่อง อะไรก็ไม่รู้) ผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลละ จะได้คุยกับคนอื่นเค้ารู้เรื่องบ้าง ถัดมาอีกประมาณ 6 เดือน พี่ผมเค้าก็ไปสอบรอบที่ 2 ปรากฎว่า ตก อีก !!! ผมก็คิดมากกว่าเดิมอีก อะไรจะยากขนาดนั้นฟระ ไม่สอบแม่งละดีมั้ยเนี่ยยย >.< ผมก็เลยถามพี่ผมอีก คราวนี้พอคุยรู้เรื่องละ ก็เริ่มเก็บข้อมูลว่า พี่ผมเจออะไรมาบ้าง มีตรงไหนที่ทำไม่ได้บ้าง ก็เก็บๆๆ เป็นข้อมูลไว้
ได้กลุ่มทำ LAB (หลายหัวดีกว่าหัวเดียว) >>>
ถึงตรงนี้ผมก็อ่านทฤษฎีกับฝึกทำแลปมาได้ครึ่งทางละ ผมได้รู้จักกับทีมงานกลุ่มนึงจาก Social ก็คือ ทีมงานเว็บ SiamNetworker ครับ และเค้าก็จับกลุ่มสอบ CCIE ผมเลยขอไปแจมๆด้วยเลย ซึ่งพี่ๆกลุ่มนี้เค้าเคยผ่านประสบการณ์การสอบมาแล้ว ส่วนผมเพิ่งครั้งแรก ไม่เคยสอบเลย จะไหวมั้ยยเนี่ยยย เฮือกกก ก็คุยกันมาเรื่อยๆครับ จนมีพี่คนนึงในกลุ่มไปสอบครั้งแรก ตก !!! แล้วเค้าก็ไปสอบครั้งที่ 2 ปรากฎว่า ผ่านครับ +++ เค้าก็แนะนำคนติวมาให้ อาจารย์คนนี้ เก่งมาก ก็เลยคุยกันในกลุ่มว่า รวมตัวกันไปติวละกัน ด้วยความที่พี่เค้ารู้จักก็เลยได้ราคามาไม่แพง (แต่ไม่แพงก็หลักหมื่นเหมือนกันนะ) ผมก็เลยควักเงินตัวเองจ่ายออกไป เพื่อไปติว ทั้งๆที่ยังอ่านไม่จบเลย สบายละ 555+ ช่วงนี้ผมก็เลยดึงพี่ที่บริษัทผมที่ไปตกมาก่อนหน้านี้เข้ามาด้วย จะได้มาลุยด้วยกันไปเลย ผมไปนั่งติว คนอื่นเค้ารู้เรื่องหมดเลย ผมงงอยู่คนเดียว โห มันเยอะมาก สมองเบลอครับ มันกว้างและลึกจริงๆ MSTP , Private VLAN , VACL , QinQ , BGP , MPLS , QoS , Multicast , IPv6 บลาๆๆๆๆๆ เยอะโคตรๆๆ ที่สำคัญตอนติวอาจารย์บอกว่า ต้องพยายามจำ Command ให้ได้ทั้งหมด ถ้าจำไม่ได้ ตอนไปสอบแล้วไปกดเครื่องหมาย ? เพื่อดู Command ยังไงก็ทำไม่ทัน ชิบหายยละกรู T-T ช่วงนั้นผมหนักหัวมาก เก็บได้ไม่หมด มีหลุดๆไปด้วย เพราะมันเยอะจริงๆ แถมสอบครั้งแรกด้วย ตายๆๆ เริ่มเครียด แต่มาถึงขนาดนี้ละ ก็หยุดไม่ได้ละครับ
เมื่อโอกาสมาถึง (ปลายปี 2013) >>>
ตอนแรกผมก็จะไม่รีบสอบ กะว่าเก็บไปเรื่อยๆ จน Cisco ประกาศออกมาว่าจะเปลี่ยนข้อสอบ CCIE Routing and Switching จาก Version 4 เป็น Version 5 วันที่ 4 June 2014 ความหฤหรรษ์จึงเกิดขึ้น ผมเครียดเลย เตรียมตัวมาเยอะแล้วด้วย ตอนนั้นผมลังเลว่าจะเอายังไงดี จะขอบริษัทสอบก็ไม่กล้าขอ กลัวเค้าไม่ให้ จะออกเองก็หนักหน่วง พราะตอนนั้นผมกำลังมีแผนจะออกรถพอดี ผมมีเงินก้อนเดียว ถ้าออกรถก็ไม่ได้สอบ ถ้าสอบก็ไม่ได้ออกรถ เครียดเลย ค่าติว ค่าหนังสือ ก็ลงทุนไปเยอะละ หมดไปหลายหมื่น จนถึงช่วงประเมินพนักงานปลายปีของบริษัท โอกาสของผมมันก็เข้ามา ตอนเข้าไปประเมินกับหัวหน้า ก็คุยเรื่องงานปกติ พอคุยเรื่องงานจบ หัวหน้าก็ถามขึ้นมาว่า "จะสอบ CCIE เมื่อไหร่" ว๊ากกกกกกกกกกก คำนี้ ทำไมผมดีใจ น้ำตาจะไหล แต่เก็บอาการ 555+ ผมก็บอกไปว่า "ผมว่าจะมาขอโอกาสจากพี่อยู่พอดีครับ" หัวหน้าผมตอบว่า "พี่ให้โอกาสทุกคนแหละ ถ้าเรามีความสามารถและเราพร้อมจริง ลองดูมั้ย" ผมตอบตกลงอย่างไม่คิดเลยครับ โอกาสมาละ ทำให้ดีที่สุด ผ่านหรือไม่ผ่านค่อยว่ากันอีกที +++ ผมบอกหัวหน้าว่า "แต่จะต้องรีบหน่อยครับ ไม่เกินเดือนพฤษภา 2014 เพราะว่าข้อสอบจะเปลี่ยน ตอน 4 มิถุนา 2014" หัวหน้าผมก็ตอบกลับว่า "โหว ตอนนี้ธันวาละ แค่ 5 เดือน เองนะ ทันหรอ" ผมตอบกลับทันทีว่า "ทันครับ เพราะผมเตรียมตัวมาก่อนแล้วครับพี่ ที่เหลือ 5 เดือน แค่ ลุยแลปอย่างเดียวครับ" หัวหน้าผมโอเค ก็ลองดู ต้องรีบไปสอบ ทฤษฎี (Written) ให้ผ่านก่อน ถึงจะจองสอบปฏิบัติ (LAB) ได้ ผมจึงรีบไปสอบทฤษฎี (Written) ตอน มกรา 2014
ผ่าน CCIE R&S Written |
จองสอบ CCIE LAB |
ช่วงเวลา 3 เดือนก่อนสอบ >>>
ผมเริ่มหาข้อมูลครับ โดยข้อสอบ CCIE R&S LAB จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ก็คือ ส่วนที่เป็น Configuration กับ ส่วนที่เป็น Troubleshooting ซึ่งโจทย์ของข้อสอบในส่วน Configuration ก็จะมีโจทย์มาให้แล้วก็ Config ตามที่โจทย์ต้องการ ผมหาข้อมูลจากคนที่เค้าเคยไปสอบแล้วมาแชร์ให้ฟังเว็บบอร์ด และในส่วนของ Troubleshooting ก็จะมีโจทย์มาให้เหมือนกัน แต่เป็นโจทย์ให้แก้ปัญหาครับ เช่น Ping ไม่่เจอ , Routing ไม่มา , Multicast ใช้ไม่ได้ เป็นต้น ก็ให้เราแก้ปัญหาให้ใช้งานได้ตามโจทย์ ซึ่งโจทย์เยอะมากครับ ต้องบอกว่าแทบจะหมดกำลังใจเลยทีเดียว มีเวลาทำ LAB แค่ช่วงหลังเลิกงานกับวันหยุด จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ มานั่งดู Diagram ตอนเริ่มอ่าน บอกเลยครับว่า งง โอยยย ตายๆๆๆ กว่าจะทำความเข้าใจกับ Physical ได้ ใช้เวลาอยู่เกือบ 7 วัน จากนั้นเริ่มหา LAB ละ ว่าจะทำ LAB ยังไงดี จริงๆในช่วงแรกผมสร้าง LAB ผ่าน Simulator เอาครับ แล้วช่วงหลังผมก็ใช้ของจริงเล่น
เซเว่นที่ Sydney |
ความยากของ CCIE ก็คือ ตัวโจทย์ครับ คือโจทย์มันจะบอกว่าอยากได้แบบนี้ แต่ !! ห้ามทำท่านี้นะ อะไรประมาณนั้นครับ เช่น
- You must use a route filtering mechanism but don’t allow to use access-list (ข้อนี้ให้ filter route แต่ห้ามใช้ ACL)
- Ensure that optimal routing should be performed on both R2 and R3 (ข้อนี้ โจทย์บอกว่าต้องแน่ใจว่า Routing ที่วิ่งผ่าน R2 และ R3 จะต้องเป็น Optimal Routing)
- Advertise VLAN 45 into OSPF without using the network command (ให้ประกาศ VLAN45 เข้าไปใน OSPF แต่ห้ามใช้ command "network")
เดือนสุดท้ายก่อนสอบ >>>
ผมขอไว้ต่อในตอนที่ 2 นะครับ......
เก่งมากเลยครับ ผมกำลังเริ่ม CCNA จะเอาไปเปลี่ยนงาน ตั้งใจอ่านเอาความรู้ ยากมากๆเลย อ่านให้เข้าใจ จะท้อละครับ :((
ตอบลบอย่าท้อนะครับ สู้เอามาให้ได้ ลองอ่านประสบการณ์และคำแนะนำที่ผมเขียนไว้ได้ครับ
ลบhttp://www.zone-network.blogspot.com/2013/09/ccna.html
ติดอะไรยังไง หรือ มีคำถาม ผมยินดีตอบให้นะครับ ถามมาได้เลย บน Facebook ก้ได้ครับ
ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์กับคนรุ่นต่อไปมาก ๆ ครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ :D
ตอบลบ> < อยากทราบหนังสือเริ่มต้นครับ พอดีอยากเปลี่ยนสายงานผมว่าสายนี้น่าจะเป็นตัวผมที่สุดครับ พอดีหาหนังสือตามคำแนะนำของคุณ Refeel แล้วเค้าบอกมันไม่มีพิมแล้วอ่ะครับ T^T
ตอบลบ