การใช้งานอินเทอร์เน็ตในระดับ SOHO (Small
Office/Home Office) ทั่วไป ที่เราใช้งานผ่าน DSL แล้วเกิดอาการหลุดหรือใช้งานได้ช้า โดยปกติก็จะมีการตรวจสอบในส่วนที่เป็น Internal
LAN ว่ามีการใช้งานผิดปกติหรือไม่ เช่น การใช้งาน Bandwidth สูงบางเครื่อง หรือการใช้งานผ่านการดาวน์โหลดแบบ P2P เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อที่เป็น External ล่ะเราจะสามารถตรวจสอบอะไรได้บ้างที่สามารถยืนยันได้ว่า
DSL ที่เราใช้มันไม่เสถียรจริงๆ
เราลองมาดูวิธีการตรวจสอบในส่วนของการเชื่อมต่อระหว่าง ISP กับ
DSL CPE (External) ตามนี้เลยครับ
ปกติแล้วสัญญาณ ADSL จะมีค่ามาตรฐานในการวัดคุณภาพสาย เรียกว่า ค่า SNR
และค่า Line Attennuation
- ค่า SNR (Signal to Noise Ratio) จะเป็นตัวบอกถึงความแรงของสัญญาณ ADSL เมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาณรบกวน หน่วยเป็น เดซิเบล (dB)
- ลอง นึกภาพตามง่ายๆครับ ให้เราและเพื่อนไปอยู่ในห้องเงียบๆห้องนึงแล้วคุยกัน เราและเพื่อนก็จะได้ยินเสียง (Signal) กันชัดเจนใช่ไหมครับ แต่ถ้าเกิดเปิดวิทยุหรือทีวีขึ้นมาให้เกิดเสียงแทรกขึ้น (สัญญาณรบกวน : Noise) เมื่อเราคุยกับเพื่อนก็จะได้ยินเสียงกันไม่ชัดเจนละ ถ้าต้องการจะให้ชัดเจนก็ต้องตะโกนให้ดังขึ้น (Tune-up Signal Strength) หรือไม่ก็มายืนใกล้ๆกัน เพื่อที่จะได้คุยกันรู้เรื่องในขณะที่มีเสียงอื่นๆเข้ามาแทรก
ค่าอ้างอิงของ SNR (dB)
0 - 5 dB = แย่, bad, no sync/intermittent sync
8 - 13 dB = ปานกลาง - อาจจะไม่จับสัญญาณบางครั้ง (average - and no sync issues)
14 - 22 dB = ดีมาก (very good)
23 - 28 dB = ยอดเยี่ยม (excellent)
29 - 35 dB = สุดยอด (rare)
0 - 5 dB = แย่, bad, no sync/intermittent sync
8 - 13 dB = ปานกลาง - อาจจะไม่จับสัญญาณบางครั้ง (average - and no sync issues)
14 - 22 dB = ดีมาก (very good)
23 - 28 dB = ยอดเยี่ยม (excellent)
29 - 35 dB = สุดยอด (rare)
- SNR Margin หรือ SNRM หรือ Noise Margin หรือ Receive Margin ส่วนใหญ่จะใช้เรียกกันใน หมู่ผู้ผลิต Modem CPE ที่มักจะใช้กำหนดตั้งเป็นค่า default ของ โมเด็ม
- SNR Margin ให้มองว่าเหมือน (Buffer Zone) SNR Margin กับ SNR มีความสัมพันธ์กัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน SNRM คือ ความแตกต่างระหว่าง Actual line SNR กับ SNR ที่ต้องการ Run ณ speed นั้น ๆตัวอย่างเช่น ถ้าสายเคเบิลต้องการ Run SNR 35 dB ที่ Speed 8 Mbps และ Actual line SNR = 41 dB ดังนั้น SNRM = 41-35 = 6 dB จะเป็นค่า Default ต่ำสุดที่ CPE ยอมให้ตั้งค่าได้ (หมายถึง ถ้า SNRM ต่ำกว่า 6 dB แสดงว่า Speed ไม่ Sync) ค่าที่เครื่อง Set ค่าให้ตั้ง SNRM ได้คือ 6, 9, 12, และ 15 dB ยิ่งค่า SNRM มาก ยิ่งดี คือ สัญญาณ Internet หลุดยาก
- ค่า Line Attenuation คือค่าการลดทอนของสัญญาณเมื่อเดินทางจาก DSLAM มาถึงโมเด็มในบ้านของผู้ใช้งาน หรือเรียกว่าค่า Loss ก็ได้ครับ
- บอกอัตราการสูญเสียสัญญาณจาก DSLAM มาสู่ DSL CPE ยิ่งมีค่าน้อยยิ่งดี ค่าน้อยแสดงให้เห็นว่ามี Loss ต่ำ หากสายโทรศัพท์ของบ้าน หรือที่ทำงานของเรา ห่างจากชุมสายมาก ค่า Line Attenuation ก็จะสูงตามไปด้วย
Line Attenuation
ต่ำกว่า 20 = rare, great copper lines, close to co/remote
20 - 30 = ยอดเยี่ยม ( excellent )
30 - 40 = ดีมาก very ( good )
40 - 60 = ปานกลาง ( average )
60 - 65 = แย่ ( poor )
ต่ำกว่า 20 = rare, great copper lines, close to co/remote
20 - 30 = ยอดเยี่ยม ( excellent )
30 - 40 = ดีมาก very ( good )
40 - 60 = ปานกลาง ( average )
60 - 65 = แย่ ( poor )
ตัวอย่างการดูค่า DSL Line Status จาก Zyxel |
สรุปได้อย่างสั้นสำหรับค่าของ SNR และ Attenuation ที่อยู่ในระดับที่เสถียร
- SNR ไม่ควรต่ำกว่า 10 dB (เดซิเบล)
- ค่า SNR ที่ต่ำผิดปกติ อาจเนื่องมากจากคุณภาพของสายโทรศัพท์
- Line Attenuation ไม่ควรสูงกว่า 55 dB
- ค่า Line Attenuation ที่สูงผิดปกติ อาจเกิดจากสัญญาณรบกวนในสายโทรศัพท์ เช่น ความชื้นหรืออยู่ไกล้แหล่งกำเนิดสัญญาณรบกวน เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า หรือเกิดจากระยะทาง ที่ไกลเกินไปจากชุมสายโทรศัพท์ เช่น ไกลเกินระยะ 5.5 กิโลเมตรตามมาตรฐานของ ADSL
ถ้าเกิดค่า SNR และ Attenuation มีค่าตามมาตรฐานแล้วยังเกิดปัญหาดังกล่าวอยู่ ให้ลองตรวจสอบการใช้งานและการเชื่อมต่อภายในที่เป็น Internal LAN ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สายภายใน , กล่องรับสัญญาณ หรือแม้แต่ Splitter ครับ
ในกรณีที่มีค่า SNR Margin ต่ำ หรือมี Line Attenuation สูง ให้พิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1. เดินสายโทรศัพท์ตามทางสายไฟบ้านหรือไม่ สายไฟแรงสูงที่อยู่ใกล้ๆ จะส่งผลให้เกิดสัญญาณรบกวน ( Noise) มากขึ้น
2. สายโทรศัพท์มาตรฐานหรือไม่ สายโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (เส้นลวดอาจมีขนาดเล็ก) จะทำให้การค่าความต้านทานสูงขึ้นและ Line Attenuation จะมีมากขึ้น
3. อุปกรณ์ต่อพ่วงของโทรศัพท์ เช่น POTS Splitter Micro filter โทรศัพท์ต่อพ่วง มีผลกระทบต่อทั้ง 2 ปัจจัย ยิ่งมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก ก็จะเกิดสัญญาณรบกวนและ Line Attenuation จะมีค่ามากขึ้น
4. เช็คจุดที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ว่ามีการขันสายยึดแน่นเรียบร้อยหรือไม่
5. ตรวจเช็คกล่องดำว่ามีน้ำขัง หรือสายทองแดงมีอ๊อกไซต์เกาะอยู่หรือไม่ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่า SNR Margin ต่ำ
6. เช็คระยะทางจากชุมสายถึงกล่องดำของลูกค้า ว่าไกลจากชุมสายมากหรือไม่ หรืออยู่ปลายชุมสายหรือไม่ เพราะยิ่งไกลจากชุมสาย จะยิ่งทำให้ได้รับสัญญาณที่ต่ำรวมทั้งมีสัญญาณรบกวนเยอะขึ้น และลูกค้าจะไม่สามารถขอความเร็วที่สูงได้ จะทำให้ SNR Margin ต่ำลงแบบสุด ๆ ไม่มีความเสถียรของสัญญาณ
ในกรณีที่เช็คเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว ยังมีค่าที่ผิดปกติอยู่ ต้องลองให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มาตรวจเช็คสภาพสายโทรศัพท์
ในกรณีที่มีค่า SNR Margin ต่ำ หรือมี Line Attenuation สูง ให้พิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1. เดินสายโทรศัพท์ตามทางสายไฟบ้านหรือไม่ สายไฟแรงสูงที่อยู่ใกล้ๆ จะส่งผลให้เกิดสัญญาณรบกวน ( Noise) มากขึ้น
2. สายโทรศัพท์มาตรฐานหรือไม่ สายโทรศัพท์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (เส้นลวดอาจมีขนาดเล็ก) จะทำให้การค่าความต้านทานสูงขึ้นและ Line Attenuation จะมีมากขึ้น
3. อุปกรณ์ต่อพ่วงของโทรศัพท์ เช่น POTS Splitter Micro filter โทรศัพท์ต่อพ่วง มีผลกระทบต่อทั้ง 2 ปัจจัย ยิ่งมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก ก็จะเกิดสัญญาณรบกวนและ Line Attenuation จะมีค่ามากขึ้น
4. เช็คจุดที่มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์ ว่ามีการขันสายยึดแน่นเรียบร้อยหรือไม่
5. ตรวจเช็คกล่องดำว่ามีน้ำขัง หรือสายทองแดงมีอ๊อกไซต์เกาะอยู่หรือไม่ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่า SNR Margin ต่ำ
6. เช็คระยะทางจากชุมสายถึงกล่องดำของลูกค้า ว่าไกลจากชุมสายมากหรือไม่ หรืออยู่ปลายชุมสายหรือไม่ เพราะยิ่งไกลจากชุมสาย จะยิ่งทำให้ได้รับสัญญาณที่ต่ำรวมทั้งมีสัญญาณรบกวนเยอะขึ้น และลูกค้าจะไม่สามารถขอความเร็วที่สูงได้ จะทำให้ SNR Margin ต่ำลงแบบสุด ๆ ไม่มีความเสถียรของสัญญาณ
ในกรณีที่เช็คเบื้องต้นดังกล่าวแล้ว ยังมีค่าที่ผิดปกติอยู่ ต้องลองให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มาตรวจเช็คสภาพสายโทรศัพท์
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.adslthailand.com
มีประโยชน์มากครับ เช็คได้ละเอียดดีครับ แต่ถ้าต้องการเดินสาย ฝากไว้ซักทีมครับ http://comsiam.com/lan/ ยินดีให้คำปรึกษาฟรีครับ
ตอบลบ